top of page

4 Stars, 79 Rooms

Petchabun

2016-2018

Location

Service

Year

Livist Resort, Phetchabun

แม้ที่ตั้งของโรงแรมแห่งใหม่ของอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ จะไม่อยู่ติดกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างเขาค้อ รวมถึงไม่มีแหล่งท่องเที่ยวใดเป็นพิเศษ คุณโจ้-พัชระ วงศ์บุญสิน คุณนิ้ม-อรณิชา ดุริยะประพันธ์ และทีมสถาปนิก จึงต้องลงมือเปลี่ยนรีสอร์ทธรรมดาๆ ที่เป็นเพียงห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยว ให้กลายเป็นสถานที่น่าดึงดูด ซึ่งสามารถสร้างความผ่อนคลายและประสบการณ์การท่องเที่ยวผ่านงานออกแบบที่ตีความบริบทของพื้นที่ และใช้ประโยชน์จากทิวทัศน์ธรรมชาติรอบๆ ให้คุ้มค่ามากที่สุด

ประโยชน์จากที่โล่งและลมธรรมชาติ

สถาปนิกเล่าว่า ครั้งแรกที่มีโอกาสได้ไปดูไซต์หน้างานจริง พื้นที่ค่อนข้างเปิดโล่ง รายล้อมไปด้วยอาคาร 1-2 ชั้นที่กระจายตัวอยู่ห่างจากกัน ส่วนบริเวณด้านหลังโครงการยังคงเป็นพื้นที่โล่งทั้งหมด ถึงแม้เพชรบูรณ์จะมีสภาพอากาศที่ร้อนแห้ง แต่ด้วยความโล่งของพื้นที่ นับว่าเป็นโชคดีที่ทำให้ลมสามารถถ่ายเทและโกรกเข้ามาเย็นสบายได้ตลอดทั้งวัน  ความโล่ง และ ลมโกรก จึงกลายเป็นคาแรคเตอร์พิเศษที่ทีมสถาปนิกตั้งใจรักษาเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะต้องสร้างอาคารเต็มพื้นที่ตามความต้องการของทางเจ้าของ

“พอเราอยากจะใช้ประโยชน์ของที่โล่งให้มันเกิดลม เราก็เลยพยายามที่จะใช้ลมในจุดต่างๆ ที่เราจะออกแบบ” คุณโจ้เล่า สำหรับโซนห้องพัก เรียงตัวเป็นแนวอาคารที่ยาวถึง 99 เมตร ตามทิวทัศน์ในแนวยาวหันหน้าเข้าสู่วิวเขาค้อที่มองเห็นได้ 270 องศา ห้องพักแต่ละห้องถูกออกแบบหันด้านยาว 7 เมตร ของห้อง ให้หันองศาหาวิวเขาค้อโดยตรง เพื่อให้สามารถดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

สถาปนิกนำ ‘ลมธรรมชาติ’ เข้าเป็นส่วนผสมหลักในการสร้างบรรยากาศ ด้วยการย้ายตำแหน่งของระเบียงมาอยู่บริเวณข้างห้องแทนที่จะอยู่ด้านหน้าตามที่เราคุ้นเคย และเว้นห้องพักทุกห้องให้ห่างจากกัน 1 เมตร เพื่อเปิดให้อาคารยาว 99 เมตรนี้สามารถมีลมผ่านทะลุอาคารได้บ้าง รวมถึงวางห้องทำมุมเปิด 30 องศาเข้าหาทิศลม ทำให้ลมถูกรีดเข้าไปตามช่องว่างนี้ได้แรงขึ้น ในทุกๆ ห้องจึงมีระเบียงเป็นเหมือนพื้นที่นั่งพักผ่อน สัมผัสอากาศเย็นสบายด้วยลมที่โกรกเกือบตลอดทั้งวัน ซึ่งที่ว่างที่เกิดจากการแทรกตัวของระเบียงและอาคาร ยังทำหน้าที่เป็น Sound Barrier กั้นระหว่างห้อง เพื่อให้แต่ละห้องไม่มีเสียงดังรบกวนกันและกัน เสมือนว่าทุกห้องลอยอยู่ โดยไม่มีผนังใดที่ชนกันเลย

ในภาพที่กว้างขึ้น สถาปนิกยังออกแบบโดยคำนึงผลกระทบต่อลมของเมือง ด้วยการสร้างอาคารขนาดใหญ่ที่ไม่ทำให้ลักษณะของลมในพื้นที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนกลางบริเวณชั้นล่างจึงออกแบบเพดานสูงพิเศษประมาณ 6.5 เมตร ซึ่งเป็นความสูงที่พ้นจากหลังคาของอาคารข้างเคียงทั้งหมด โดยที่หลังคาของอาคารส่วนกลางจะมีช่องว่าง 1 เมตรยาวตลอดช่วงอาคาร เพื่อให้ลมสามารถลอดผ่านไปได้ในแนวนอน ในขณะเดียวกันส่วนกลางของโครงการทั้งหมดจะเปิดโล่ง ไร้ซึ่งผนัง หรือห้องกระจกกั้น เพื่อไม่ให้มีองค์ประกอบใดขวางลม และใช้โครงสร้างเสากลมเป็นตัวรับน้ำหนักของอาคาร

สระว่ายน้ำประติมากรรมคอนกรีต

ด้วยความที่ชั้นบนเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ 30 เมตร ที่สามารถมองทิวทัศน์เขาค้อได้อย่างกว้างไกล แต่ข้อจำกัดคือ แสงแดด ที่ส่องโดยตรงทำให้สระนี้สามารถว่ายได้หลัง 4 โมงเย็นเป็นต้นไป ประกอบกับกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางไปชมทะเลหมอกที่เขาค้อตั้งแต่เช้าตรู่ ทำให้ในยามสายจนถึงช่วงบ่ายแก่ๆ นักท่องเที่ยวยังคงว่างจากกิจกรรมต่างๆ  

สระว่ายน้ำสามเหลี่ยมพีระมิดตั้งโดดเด่นที่เราเห็น จึงรับบทเป็นนักแก้ปัญหาผ่านฟังก์ชันสระว่ายน้ำที่ตรงกันข้ามกับสระชั้นบนโดยสิ้นเชิง กล่าวคือ สระว่ายน้ำนี้จะต้องว่ายได้ตั้งแต่ 9 โมงถึง 4 โมงเย็น เพื่อเพิ่มกิจกรรมให้เกิดขึ้นภายในรีสอร์ทโดยที่ไทม์ไลน์การใช้งานไม่ทับซ้อนกัน และในขณะเดียวกัน ก็ยังคงต้องมีความเป็นส่วนตัว เพื่อไม่ให้โซนห้องพักที่อยู่บริเวณใกล้เคียงมองเห็นการใช้งานได้อย่างโจ่งแจ้ง

คุณโจ้เล่าว่า “พอโจทย์ของเราคือเรื่องของ ลม มุมมอง และเวลา เราจึงมาดูว่ามีองค์ประกอบใดที่สามารถตอบโจทย์ทั้งสามข้อนี้ได้ ซึ่งงานที่เราเคยทำ เรามักจะใช้ต้นไม้เป็นตัวพรางความเป็นส่วนตัวเสมอ เพราะต้นไม้มันมีความโปร่งให้ลมผ่านได้ ในขณะที่ก็มีความทึบบ้าง ช่วยพรางสายตาคน”  ต้นแปรงล้างขวดที่ถูกนำมาพรางสายตาคน ต่อยอดสู่รูปทรงของกระถางที่ทีมสถาปนิกตีความให้เป็นรากของต้นไม้ ผ่านการออกแบบรูปทรงกรวยสามเหลี่ยมพีระมิดที่เอียงไปมาไม่เท่ากัน ซึ่งปลายของกรวยกระถางต้นไม้นี้จะมีท่อปลายเปิดต่อลงสู่ดิน เพื่อรับน้ำไม่ให้ล้นกระถาง ในวันที่ฝนตกหนัก

 

สถาปนิกสร้างสเปซภายในสระว่ายน้ำด้วยโมดูลากระถางเพียงรูปแบบเดียว ซึ่งทรงพีระมิดที่ว่ายังเอียงทำองศายื่นออก (Cantilever) ไปด้านหนึ่ง ด้านที่ยื่นออก ถูกจัดวางหันไป หันมาในรูปแบบต่างๆ สร้างสเปซที่แตกต่างกัน เกิดเป็นห้องที่ซ่อนอยู่ภายใน และมีห้องเล็ก ใหญ่ที่ไม่เท่ากัน เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อย

สะท้อนความเป็นเพชรบูรณ์ผ่านวัสดุท้องถิ่น

“เจ้าของโครงการเป็นผู้รับเหมา ซึ่งทำอาคาร ทำโรงแรมเป็นทุนเดิม เราเลยไปสอบถามว่าเพชรบูรณ์มีวัสดุอะไรบ้าง ช่างท้องถิ่นถนัดการก่อสร้างอะไร ซึ่งทางเจ้าของเขาก็บอกเลยว่า ช่างของเขา ถนัดงานคอนกรีตและอยากให้ใช้โครงสร้างเสา คาน เพราะเขาค่อนข้างถนัด เราก็เลยเลือกออกแบบอาคารที่โชว์คอนกรีตได้เต็มๆ ทั้งการหล่อเสา หล่อคาน” สถาปนิกเล่า

บริเวณยูนิตห้องพัก ทีมสถาปนิกออกแบบในลักษณะกรอบเหล็กที่หล่ออยู่ภายในคอนกรีตอีกทีหนึ่ง ซึ่งโครงสร้างทั้งสองถูกแยกจากกันอย่างชัดเจน ส่วนวัสดุอื่นๆ ที่ใช้ออกแบบโครงการ ส่วนมากจะเป็นวัสดุท้องถิ่นที่รวบรวมมาจากแหล่งต่างๆ ในจังหวัดเพชรบูรณ์ อย่างเช่น หินสีดำ ไม้สัก หรือไม้สักอัด

“พอการออกแบบรีสอร์ทมันเป็นการพักอาศัยในระยะสั้น เราคิดแค่ว่า ทำอย่างไรให้คนมาได้มากกว่าหนึ่งครั้ง ไม่ใช่แค่มาถ่ายรูปเซลฟี่แล้วจบ ไม่ได้มาอีก การมาแต่ละครั้งเขายังต้องมีประสบการณ์ที่ขาดเหลือจากครั้งแรกอยู่ด้วย” เพราะความสุขของการมาเที่ยวสักหนึ่งครั้ง ไม่ใช่เพียงแค่การได้ทิ้งตัวลงพักผ่อน หรือเสพบรรยากาศความเป็นธรรมชาติเสมอไป แต่ยังรวมถึงประสบการณ์บางอย่างที่เราคาดไม่ถึงว่าจะได้จากพื้นที่นั้นๆ  ซึ่ง Livist Resort ก็ทำหน้าที่สร้างประสบการณ์เหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์ ถ่ายทอดผ่านงานสถาปัตยกรรมที่ใช้ตัวเองเป็นแรงดึงดูดให้ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศรูปแบบใหม่ๆ ที่เขาไม่ได้คาดหวังจะพบเจอ

Related Projects

bottom of page